สำหรับเกมของเราในวันนี้ก็ต้องบอกตามตรงครับว่า คอความเร็วไม่ควรพลาดเพราะหลายคนน่าจะตั้งตารอกันมาหลายปีเลยครับกับเกมแข่งรถประจำเครื่อง playstation อย่าง Gran Turismo 7 ซึ่งวันนี้ผมจะมารีวิวถึงระบบต่างๆภายในเกม ภาคใหม่ล่าสุดในปี 2565นี้ มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เรามาเริ่มทำความรู้จักในส่วนของตัวเกมกันก่อนครับ เกี่ยวกับเกม Gran Turismo 7
เมื่อเรานึกถึงเกม Series Gran Turismo ภาพจำของผู้เล่นมักจะนึกถึงเกมแนวแข่งรถที่มี Content ภายในค่อนข้างแบบซีเรียสแล้วก็จริงจังอยู่บ่อยๆใช่ไหมครับ เพราะว่ามันเหมือนเป็นการรวมเอาแทบทุกศาสตร์ของรถยนต์มาประยุกต์ใช้ และทำมาเพื่อเอาใจผู้เล่นที่เป็นคนรักรถโดยเฉพาะ ซึ่งถ้ามองในฐานะของคนที่คลุกคลีวงการเกมมานะครับ Series นี้จัดว่าเป็นเกมแนว Racing ของ PlayStation ที่มีเอกลักษณ์ในตัวเองค่อนข้างสูง แถมยังน่าทึ่งที่ตัวเกมสามารถยืนหยัดด้วยแนวทางของตัวเองมาได้นานกว่า 2 ทศวรรษ และหลังจากที่รอคอยกันมานานถึงเกือบ 9 ปี ในที่สุด Gran Turismo 7 ก็ออกมาให้แฟนๆได้หายคิดถึงกันซะที โดยสิ่งแรกที่จะมารีวิวกันก็คืองานภาพกราฟิกครับ
งานภาพเป็นจุดแข็งของเกม Series นี้มาตลอดครับโดยการแสดงผลของ Gran Turismo 7 จะมีให้เลือกอยู่ 2 โหมดหลักๆ เหมือนเกมอื่นๆในสังกัด playstation Studio ครับ นั่นก็คือโหมด Performance ที่เน้น Frame Rate 60 fps กับอีกโหมดนะครับที่เน้น Resolution ซึ่งโหมด Resolution จะมีพวกระบบ Ray tracing ที่รองรับเฉพาะโหมดถ่ายรูปกับตอนดู Replay การแข่งย้อนหลังเท่านั้น ส่วนในระยะเวลาเล่นปกติจะแสดงผลที่ระดับ 4k hdr และจะไม่มี Ray tracing เข้ามาเสริมแต่อย่างใดครับ ในส่วนของกราฟิกของโมเดลรถยนต์หากเป็นตอนที่รถเคลื่อนที่ช้าๆ หรือจอดนิ่งๆนะครับภาพจะเข้าขั้นสวยเนียนตาเลยแต่เมื่อเป็นจังหวะที่รถอยู่ระหว่างการแข่งขันและใช้ความเร็วสูง ความงามของทิวทัศน์โดยรอบรวมถึงรถคู่แข่งจะดรอปลงไปบ้าง และแอบผิดหวังนิดหน่อยครับตรงรายละเอียดการเคลื่อนไหวของบุคคลที่ชมการแข่งขันทั้งสองข้างทางที่มันดูแย่พอสมควร ซึ่งถึงแม้ว่าวัตถุเหล่านี้ก็จะไม่ได้มีความสำคัญเท่าตัวรถยนต์ที่ใช้แข่งก็ตามครับแต่คิดว่าทีมงานน่าจะทำให้ดีกว่านี้ได้อีก
Gran Turismo 7 มีระบบเสียง 3D Audio ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยยกระดับของความเพลิดเพลินในการเล่นไปอีกขั้น คนที่มีหูฟัง 3D Audio จะได้เปรียบมากครับเพราะเวลานั่งเล่นภายในห้องเงียบๆ คุณจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ตรงหน้าและเสียงของเครื่องยนต์จากรถคู่แข่ง ทำให้สามารถจับตำแหน่งได้ว่าเขาเตรียมจะแซงเรามาจากทิศทางไหน กระทั่งเสียงการเบิร์นยางเวลาที่คุณดริฟที่บาดใจสุดๆครับ ซึ่งต่อให้ไม่มีหูฟังและอาศัยเสียงจากลำโพงทีวีก็ยังรู้สึกว่าแน่นและทำได้ดีอยู่ครับ
ในด้านภาษาของเกม Gran Turismo 7 จะมีการแปล subtitle และเมนูต่างๆเป็นภาษาไทยให้แบบเสร็จสรรพเลยครับ แต่ที่สำคัญเลยคือตัวเกมจะไม่มีให้เลือกปรับภาษาที่ Option ในเกม ซึ่งตรงนี้สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ภาษาไทยก็จำเป็นจะต้องทำการเปลี่ยนภาษาของเครื่อง PlayStation ให้เป็นภาษาไทยก่อน จากนั้นก็เข้าเกมภาษาในเกมจึงจะเปลี่ยนเป็นภาษาไทยอัตโนมัติครับ คุณภาพของการแปลไทยก็จัดว่าทำออกมาได้ดีพอสมควรครับ อาจจะมีบางคำที่ดูแปลกไปบ้างนะครับอย่างเช่นชื่อ Tournament หรือคำอธิบายในร้านค้าอย่างพวกชิ้นส่วนแต่งรถก็อาจจะดูแปลกไปบ้าง แต่โดยรวมถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับ Content ที่ทำการแปลไทยมาทั้งหมด เชื่อว่าผู้เล่นทุกคนน่าจะเข้าใจตัวเกมได้ไม่ยากเลยครับ
เกม Gran Turismo 7 เป็นเหมือนการนำเอาคนที่รักรถยนต์ในระดับคลั่งไคล้มาแนะนำสิ่งต่างๆที่อยู่ในโลกยานยนต์ของเขามาให้พวกเราได้ทำความรู้จัก อารมณ์ประมาณว่าถ้าหากเรามีโลกของเราตรงนี้มีความชอบของเราแบบนี้เธอเนี่ยลองมาแวะดูโลกของเราหน่อยมั้ยขณะที่ทางด้าน Gameplay ก็พยายามเข้าหาผู้เล่นที่เป็นมือใหม่หรือไม่ค่อยมีประสบการณ์กับเกมแนว Racing มากกว่าภาคก่อนๆ จนรู้สึกได้ว่าเป็นเกมที่เล่นง่ายและเป็นมิตรกับผู้เล่นทุกเพศทุกวัยกว่าที่เคยเป็นมา แต่ก็ต้องแลกมากับความท้าทายสำหรับผู้เล่นแนวฮาร์ดคอร์ที่ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นทั้งหมดทั้งมวลแล้วผมจึงขอให้คะแนนเกมนี้ไปที่ 8.5 คะแนนครับ ซึ่งถ้าหากดูจากแนวทางที่ Gran Turismo 7 ดำเนินมาก็พอเดาๆได้ว่าในภาคต่อไปหลังจากนี้ภาพลักษณ์ของเกม Series Gran turismo คงจะเข้าสู่ความเป็นเกมแนวตลาดมากขึ้นเพื่อดึงผู้เล่นหน้าใหม่มาสนใจซีรีย์นี้อยู่เรื่อยๆ ในเมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไป อีกทั้งมันยังเป็นงานครบรอบ 25 ปีของ Series ก็สมควรแก่เวลาแล้วครับพี่จะให้ลองปรับตัวเข้ากับเขาบ้าง แต่ถึงแม้นะครับว่าจะมีอะไรที่เปลี่ยนไปจนแปลกตา แต่ว่าเกมนี้ก็ยังคงรักษาคุณภาพโดยรวมเอาไว้ได้อยู่และสามารถใช้เวลากับมันได้นานอย่างแน่นอนครับ ก็ประมาณนี้ครับสำหรับการรีวิว Gran Turismo 7 และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความรีวิวนี้จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกในการตัดสินใจที่ดีให้กับ Gamer ทุกคนนะครับ