กติกาเป็นสิ่งที่ทำให้การแข่งขันเท่าเทียม เป็นธรรมและปลอดภัย แต่ในบางครั้งช่องว่างของกฎกติกาเล็กๆ ก็เป็นข้อได้เปรียบมหาศาล วันนี้เราจะมาบอกเล่า 10 อันดับสุดยอดกลโกงในประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ต บทความนี้จะเล่าถึงกลโกงของการ แข่งรถ ที่ทำกันมาตั้งแต่ในประวัติศาสตร์ดั้งเดิม และแต่ละกลโกงจะจีเนียสขนาดไหนไปเริ่มกันที่กลโกงเทคนิคแรกกันเลยครับ
อย่างที่ผมได้เกริ่นไปว่ากติกาหลายๆข้อ ช่วยทำให้การแข่งขันปลอดภัยมากขึ้นแต่บางคนก็เหมือนจะลืมเรื่องนี้ไปครับ นักแข่งระดับตำนานถูกจับได้ที่การแข่งปี 1952 สาเหตุก็มาจากที่ Low Case ในรถแข่งของเขามันทำจากไม้ครับ ก็คือเอาไม้มาทาสีให้เหมือนเหล็ก ซึ่งที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อลดน้ำหนักของรถ แน่นอนว่าได้ผลจริงๆครับ รถของเขามีน้ำหนักที่เบาแต่ก็ต้องแลกมาด้วยความปลอดภัยเพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ไม่มีอะไรมารับประกันความปลอดภัยของเขาเลย แต่ดูเหมือนว่านักแข่งระดับตำนานคนนี้จะไม่ได้สนใจเรื่องความปลอดภัยสักเท่าไหร่แล้วครับเพราะนอกจากจะเอาไม้มาทำรถ Low Case แล้วเขาเอาลิงที่เลี้ยงไว้มาลงแข่งด้วย แล้วผลก็คือเขาได้รับชัยชนะในการ แข่งรถ ครั้งนั้นจริงๆ ลิงตัวนี้มีชื่อว่า Jocko Foggo เป็นลิงตัวเดียวในประวัติศาสตร์การแข่งรถ ที่มีลิงเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันด้วย
ในช่วงที่ Turbo เริ่มใช้ในการ แข่งรถ F1 ความต่างชั้นด้านสมรรถนะจึงเริ่มชัดเจนขึ้น แต่เนื่องจากงบไม่หนาเหมือนทีมอื่นๆ Tyrrell Racing Team เลยยังใช้เครื่อง na v8 3ลิตร จาก Ford ในการแข่ง เพื่อที่จะสู้ได้อย่างสูสีสิ่งที่ทำได้คือการลดน้ำหนัก ซึ่งอุปสรรคมันอยู่ที่ว่าเป็นการ แข่งรถ ทีมีการกำหนดน้ำหนักขั้นต่ำไว้ที่ 580 กิโลกรัม โดยจะทำการช่างเมื่อของเหลวทั้งหมดถูกเติมเต็ม ทั้งถังน้ำมันและน้ำหล่อเย็นต่างๆ วิธีการโกงของเขาคือการสร้างระบบหล่อเย็นเบรกขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าเอาไว้หลอกกรรมการ โดยจะมีถังไว้สำหรับใส่น้ำ ตอนแข่งจริงๆก็ไม่ได้เติมอะไรลงไปทั้งสิ้นครับ แต่ในรอบสุดท้ายของการเข้า PIT จะมีการเติมน้ำและลูกเหล็กจำนวนมากลงไปให้ได้ตามน้ำหนักที่กำหนด ผลปรากฏว่ามันมักจะมีลูกปืนตกหล่นอยู่ในเลนของTyrrell Racing Team ทางกรรมการก็ได้สังเกตเห็นและเริ่มมีการตรวจสอบ ท้ายที่สุด Tyrrell Racing Team ก็ถูกจับได้และโดนโทษหนักตัดตกไม่ผ่าน Qualified หรือไม่มีคุณสมบัติพอที่จะ แข่งรถ ตลอดฤดูกาลแห่งปี 1984 คือที่แข่งมาตลอดทั้งปีไม่เหลือแต้มจากการแข่งขันเลย
Group A Group B และGroup C เป็นกติกาที่ FIA ออกกฎมาเพื่อให้ผู้จัดการ แข่งรถ ทั่วโลกนำไปใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน จะอยู่ในการแข่งขันหลายประเภทครับไม่ว่าจะเป็น Turing Rally หรือ Endurance โดยจะเริ่มใช้กับช่วงกลางยุค 80s ไปจนถึงต้นยุค 90s แล้วแต่รายการครับ อธิบายแบบรวบรัดคือรูปแบบ Group C คือรถสร้าง รถต้นแบบ ไม่ได้กำหนดขั้นต่ำการผลิต Group B คือกึ่งสร้างเพราะต้องผลิตออกมาอย่างน้อย 200 คัน ส่วน Group A และ Group N ก็คือรถโรงงานเลยครับ มีการปรับแต่งน้อยที่สุดกำหนดให้ผลิตออกมามากถึง 5000 คัน และต่อมาได้ลดเหลือ 2500 คันครับ สุดท้ายมีการเพิ่มกติกา Evolution หรือรุ่นต่อยอดกำหนดเอาไว้ที่ 500 คัน ในตอนนั้นผู้ผลิตหลายเจ้าพอทำออกมาก็มักจะขายครับไม่ว่าจะเป็น 190E 2.5 16Evolution และ M3 Evolution ซึ่งจริงๆในตอนนั้นทางผู้ผลิตเขาก็ไม่ได้อยากทำออกมาหรอกครับ เพราะมีความเสี่ยงว่าจะขายไม่ได้เพราะรถแบบนี้ราคามันสูงตามสเปก คือถ้าเยอะขนาดนี้ขายเป็นรุ่นธรรมดาจะขายง่ายกว่า ทาง Volvo ก็คิดแบบนั้นครับทาง Volvo จึงไปไล่ดูกติกาใหม่และพบว่าในกฎกติกาการ แข่งรถ ไม่ได้กำหนดให้ผลิตรถแล้วต้องขาย แต่แค่กำหนดให้ผลิตออกมาเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ Volvo 240 Turbo จำนวน 500 คัน จึงถูกส่งออกไปขายที่สหรัฐ โดยแยก Part Upgrade เก็บใส่ไว้ในท้ายกระโปรงโดยจะมีรถที่ถูกประกอบเต็มระบบแค่ 270 คันเท่านั้น ที่เหลือไม่ได้ใส่ของแต่งก็วางขายตามสเปกเดิม ซึ่ง FIA ก็ไม่ได้มาตรวจสอบทั้ง 500 คันครับ เช็คจากเลขเครื่องเลขตัวถังรถบางคันก็ถือว่าโอเคแล้ว งานนี้ผู้ผลิตเจ้าอื่นก็ออกมาประท้วงกันเลยครับเพราะ 240 ในสนามมันเหนือชั้นกว่าคันอื่นๆมาก และแน่นอนว่าเอาผิดไม่ได้ครับเพราะถือว่าเป็นไปตามกติกาทุกอย่าง
อากาศ + น้ำมัน เท่ากับ กำลัง แต่ถ้าต้องการจำกัดกำลังก็สามารถทำได้โดยการลดปริมาณอากาศ WRC มีการใช้ปากเทอร์โบในการ แข่งรถ เพื่อจำกัดกำลังของรถแข่ง แต่ก็มีคนพยายามแหกกฎของการแข่งนี้ พวกเขาคือทีมของ Ford เปรียบเทียบระหว่างตัวแข่งปี 2002 และปี 2003 จะเห็นได้ว่าส่วนที่แตกต่างกันอยู่ที่ท้ายรถ เมื่อถอดกันชนออกจะเห็นถังเหล็กหน้าตาประหลาด และถังนี้ไม่ใช่ทางน้ำมันนะครับแต่มันคือถังอากาศโดยการสร้างจากไทเทเนียมแผ่นความหนา 2 มิลลิเมตรความจุ 45 ลิตร โดยจะต่อกับท่อไทเทความยาว 4 เมตรกว้าง 30 มิลลิเมตร การทำงานคือรถคันนี้จะมีระบบ Anti Lag ซึ่งทำให้เทอร์โบอัดอากาศได้ตอนที่คนขับผ่อนคันเร่ง ในรถแข่งทั่วไประบบนี้มีไว้เพื่อให้ boost มาทันทีที่นักแข่งเหยียบคันเร่งครับ แต่ในรถของ Ford turbo จะเอาอากาศที่อัดไปกักเก็บที่ถังหลังรถควบคุมด้วย ECU เมื่อนักแข่งเหยียบคันเร่งสุด เครื่องก็จะได้ใช้กำลังเต็มที่เพิ่มขึ้นถึง 5% แต่เทคนิคนี้ก็ถูกแบนในภายหลังถึงแม้ว่าจะไม่ผิดกติกาในการ แข่งรถ แต่อย่างใด
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับสุดยอดการโกงในการ แข่งรถ ของประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าแต่ละเทคนิคในการโกงของรถแต่ละยี่ห้อจะถูกแบน แต่ก็น่าชื่นชมในความจีเนียสของผู้ผลิตที่สามารถคิดค้นเทคโนโลยีในการเพิ่มกำลังรถและสามารถปรับแต่งรถให้มีสมรรถนะเหนือคู่แข่งและไม่ถือว่าผิดกติกาในบางกรณี แต่สุดท้ายในการ แข่งรถ ก็ควรมีความเท่าเทียมและยุติธรรมเพื่อวัดฝีมือของผู้ที่อยู่หลังพวงมาลัยและวัดสมรรถนะของรถทุกคันบนสนามที่เหมาะสมกัน